เมื่อวันแม่ที่ผ่านมามีโอกาสได้พาแม่และน้องๆไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย รู้สึกประทับใจและตื่นเต้นมากที่ได้ไปที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยแห่งนี้ ต้องบอกตามตรงเลยว่าเกิดมา 28 ปีเพิ่งเคยเข้าพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งเป็นครั้งแรกในชีวิต ก็ไปถนนเส้นบรมราชชนนี(ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) ที่จังหวัดนครปฐม
เข้าไปในตัวอาคารพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยก็รู้สึกแปลกใหม่และตื่่นตาตื่นใจไม่น้อย ได้เห็นหุ่นขี้ผิ้งตัวเป็นๆเหมือนจริงมากๆ ทำเนื้อหนังหรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ต่างๆได้เหมือนจริงสมจริงมาก เข้าไปห้องแรกก็จะเจอกับคุณลุงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ดูไม่ออกเลยใช่มั๊ยครับว่าคนไหนเป็นหุ่น คนไหนเป็นคน
มาครั้งแรกก็ต้องมาลงทะเบียนกันสักหน่อย กับหุ่นขี้ผึ้งพนักงานหน้าห้อง (แต่เจ๊ไม่มองผมเลยตั้งใจทำงานจริงๆ)
ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยนี้จะมีอยู่ 2 ชั้น แล้วแต่ละชั้นก็จะแบ่งเป็นโซนๆไป อย่างโซนแรกเราก็จะพบกับพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี เช่น หลวงพ่อเกษม, สมเด็จพระพุฒาจารย์, พระครูวิมลคุณากร, พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์(หลวงปู่ทวด), พระอาจารย์มั่น, ครูบาศรีวิชัย ก็มีท่าทางแต่ละรูปแตกต่างกันไป เข้าไปดูใกล้เหมือนจริงๆ
ของราชวงจักรีทั้ง 8 พระองค์ ฉากหลังบวกกับไฟที่สวยงามทำให้พระองค์ท่านดูสง่างามจริงๆครับ
เดินอ้อมไปด้านหลังก็จะเจอกับหุ่นขี้ผึ้งของสมเด็จย่าและพระพี่นางเธอนั่งสนทนากันอยู่ ดูแล้วคิดถึงพระองค์ท่านทั้งสอง และยังรู้สึกถึงความอบอุ่นระหว่างแม่กับลูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ขึ้นมาชั้นที่ 2 ก็จะเจอกับบุคคลสำคัญของไทยที่เป็นศิลปิน ครูเพลงหลายๆท่าน เช่น ครูจวงจันทร์ จันทร์คณา (บรมครูพรานบูรพ์) ครูเอื้อ สุนทรสนาน ครูไพบูลย์ บุตรขัน พูดตรงๆเลยนะครับผมไม่รู้จักสักท่านเลย น่าอายจริงๆคนไทยซะเปล่า
เดินมาอีกหน่อยก็จะเจอกับหุ่นขีผึ้งบุคคลสำคัญระดับโลกครับ เช่น มหาตมา คานธี, อับราฮัม ลินคอล์น, เซอร์ วินสตัน เชอรชิล เคยเห็นแต่ในรูปกับในทีวี ได้มาเห็นตัวจริงก็วันนี้แหละ ^^
โซนถัดมาพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยในชั้นที่ 2 นี้ก็จะเจอกับหุ่นขี้ผึ้งการละเล่นของไทยในสมัยก่อน เช่น เล่นจ้ำจี้ รีรีข้าวสาร หมากเก็บ ก็จะเป็นการละเล่นของเด็ก ส่วนของผู้ใหญ่ก็จะมีหัวล้านชนกัน ดูแล้วคิดถึงสมัยเด็กๆ คลาสสิคดีครับ
โซนต่อมาก็จะเป็นโซนของท่านสุทรภู่กวีเอกของไทย กับบทประพันธ์ชื่อดังก้องโลกสุดคลาสสิค "พระอภัยมณี" นั่นเอง ก็จะมีการจำลองเป็นเรื่องราวตามเนื้อเรื่อง โดยมีการวางหุ่นขี้ผึ้งไว้เป็นจุดๆ แบ่งเป็นตอนที่สำคัญๆ ดูแล้วคิดถึงตอนเรียนหนังสือภาษาไทยสมัยปฐมครับ สนุกสนานมากๆ บางคนอาจจะไม่เคยเรียนครับเพราะตอนหลังเค้าเปลี่ยนหลักสูตร ก็เลยเปลี่ยนหนังสือเรียนกันไป
โซนสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยก็จะเกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของคนไทยสมัยก่อน จากรูปจะเป็นการซื้อขายทาส สมัยนี้ก็คงเรียกว่าการค้ามนุษย์ ก็จะมีคนแก่หน้าหื่นนั่งล้อมวง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆน่าสงสารอยู่ พ่อแม่ของเด็กก็นั่งหน้าเศร้าอยู่ข้างหลังเด็ก ดูแล้วหดหู่ใจครับ แต่เค้าปั้นหน้าลุงๆทั้งหลายได้ดูหื่นจริงครับ ไม่เชื่อลองไปดูด้วยตาตัวเองได้
สรุปแล้วการได้ไปเที่ยววันแม่ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ทำให้พวกเรามีความสุขกันมากครับ อาจเป็นเพราะได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น และที่สำคัญได้ไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครับ ก็ทำให้รู้สึกสุขใจกันถ้วนหน้าครับ วันหยุดใครที่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยได้ครับ ค่าตั๋วก็ไม่แพงครับราคาค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 20 บาท ไปวันแม่แม่เข้าฟรีด้วยนะครับ แถมไม่ไกลจากกรุงเทพด้วยครับ ขับรถมาเพลินๆชิวๆ หิวที่ไหนก็แวะกินที่นั่น สบายๆ สนุกสนานกันและได้ความรู้กลับบ้านอีกด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น