เมื่อหลายวันก่อนไปโดนอาหารญี่ปุ่นมาที่ "ฮาโกะทาว์น" หรือ Hako Town หากให้เรียกอย่างเห็นภาพสักหน่อยก็คงต้องบอกว่า Hako Town นั้นน่าจะเป็นเหมือน Food court สไตล์ญี่ปุ่นก็คงจะไม่ผิด เพราะ Hako Town เป็นร้านอาหารที่ประกอบไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเล็กๆหลายๆร้าน มีอาหารหลากเมนู หลากสไตล์ให้เลือกสรรกันอย่างจุใจ เรียกได้ว่าอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยชอบกินและรู้จักกันดีมีอยู่ที่ Hako Town ทั้งหมด
ก่อนที่เราจะไปดู Review ในเรื่องอาหารญี่ปุ่น เรามาดูบรรยากาศของร้านกันก่อน ตั้งแต่ทางเข้า ที่นั่งกิน หน้าตาของร้านต่างๆ รวมไปถึงความแปลกใหม่ในเรื่องการจ่ายเงินค่าอาหารของ Hako Town ที่แตกต่างจาก Food court แบบไทยๆที่เราเคยรู้จัก ตามมาดูกันไปทีละเรื่องก็แล้วกันครับ
ทาเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น Hako Town
ร้านอาหารญี่ปุ่น Hako Town นั้นตั้งอยู่แถวเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ติดกับปั๊มน้ำมัน ESSO ซึ่งอยู่ติดถนนเลย ขับผ่านไปยังไงก็ต้องเห็น หาง่ายมาก ป้ายร้านอันใหญ่เบ่อเร่อ โดดเด่นเห็นชัดมาแต่ไกล
บรรยากาศโดยรวมของร้านอาหารญี่ปุ่น Hako Town
บรรยากาศของร้านอาหารญี่ปุ่น Hako Town นั้นก็จะดูเรียบง่าย อย่างที่เห็นในรูปก็คือจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ที่ทำมาจากไม้ธรรมดา เก้าอี้บางตัวเป็นเหมือนกล่องลังไม้ด้วยซ้ำ พื้นที่ในการกินอาหารจริงนั้นมีอยู่อย่างจำกัด จะเรียกว่าแคบเกินไปก็ได้มีแค่ประมาณ 15 โต๊ะเท่านั้น ถ้าวันไหนคนเยอะๆคงต้องมีการต่อคิวรอกินกันเกิดขึ้น แต่วันที่ผมไปเป็นวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 11 โมง คนยังไม่ค่อยมี เพราะคนจะมาเยอะช่วงหัวค่ำ เพราะมันได้บรรยากาศมากกว่า ส่วนตัวแล้วผมชอบบรรยากาศเรียบง่ายแบบที่ Hako Town ทำนะ มันรู้สึกผ่อนคลายดี ซึ่งเค้าจะเปิดเพลงญี่ปุ่นฟังสบายๆคลอไปด้วย ได้อารมณ์ดีเหมือนกันครับ
ซื้อบัตรอาหารกับเครื่องจ่ายบัตรแบบอัตโนมัติ
จุดเด่นของร้านอาหารญี่ปุ่น Hako Town อีกจุดหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นก็คือการซื้อบัตรอาหาร และการรับ Tag อาหารเพื่อใช้รับอาหารที่เราสั่งไว้โดยไม่ต้องไปยืนรอ หรือกลัวว่าใครจะมาแซงคิวรับอาหารของเราไป
การซื้อบัตรอาหารผ่านเครื่องจ่ายบัตรแบบอัตโนมัติ
ก็เป็นตู้สำหรับซื้อบัตรอาหารนั่นแหละครับ โดยจะเป็นตู้แบบทัชสกรีน ก่อนอื่นเราต้องเลือกจำนวนเงินที่เราต้องการซื้อ 100, 200, 500 บาท เลือกได้ตามความพอใจ จากนั้นตู้ก็จะให้เราใส่เงินเข้าเป็นช่องสอดธนบัตร ก็จะได้บัตรอาหารออกมา พร้อมกับเงินทอนหากเราใส่เงินไปไม่พอดีรูดบัตร รับ Tag แล้วไปนั่งรอได้เลย
เมื่อเราสั่งอาหารญี่ปุ่นที่เราต้องการไปแล้ว พนักงานก็จะรับบัตรอาหารของเราไปรูดเหมือนกับเวลาที่เราไปกินอาหารในห้าง แต่ต่างกันตรงที่ว่า พนักกงานจะมอบ Tag ของร้านอาหารที่เราสั่งมาให้เราด้วย โดย Tag ก็จะมีหน้าตาหลายๆแบบ ทั้งแบบแท่ง แบบกลมแบน อย่างที่เห็นในรูปข้างบน เพื่อเวลาที่อาหารเสร็จพร้อมเสิร์ฟแล้วมันก็จะได้ดังเตือนบอกเราเป็นเสียงคล้ายนาฬิกาปลุก ติ๊ดๆๆๆๆๆๆ แล้วเราก็สามารถไปรับอาหารจานอร่อยของเรามากิน โดยที่ไม่ต้องยืนรออาหาร หรือต้องคอยนั่งชะเง้อมองว่าพนักงานจะกวักมือเรียกเราแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่สะดวกและแปลกใหม่สำหรับผมเอามากๆเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นได้ตามใจชอบ
ก็มีร้านอาหารญี่ปุ่นให้เลือกอยู่ 9 ร้านนะถ้าจำไม่ผิด แต่ว่ามีร้านอะไรแบบไหนบ้าง มาดูกันครับ
- ร้านซูชิ + จุดแลกคูปอง ก็เป็นร้านขายซูชิอาหารสุดโปรดของคนไทย และที่ติดกันก็จะเป็นจุดแลกคูปองหรือบัตรอาหาร โดยจะมีเครื่องขายบัตรอัตโนมัติตั้งอยู่ด้านหน้าจุดนี้เอง
- ร้านไอศครีม i-maru เป็นร้านขายไอศครีมรูปไข่สีสันสวยงามน่ารับประทาน ขายลูกละ 45 บาท เห็นป้ายหน้าร้านบอกว่าเป็น แฟรนไชส์ด้วยใครสนใจติดต่อได้ แต่เสียดายอยู่อย่างที่ผมไม่ได้ลองกินไอศครีมของเค้า เลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง
- ร้านขายเครื่องดื่ม มีเครื่องดื่มหลายอย่างขาย มีชาเขียว มีเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ให้เลือกตามใจชอบ ข้างๆก็จะเป็นร้านเบียร์ Asahi ใครชอบดื่มก็จัดไปได้เลยครับ
- ร้านขายขนมหวาน หวานเย็น เมนูเด็ดเค้าคือ น้ำแข็งใสถั่วแดงถ้วยละ 35 บาท ผมลองมาแล้วเหมือนกัน
- ร้านขายทาโกะยากิ และเซมเบ้ข้าวเกรียบปลาหมึก
- ร้านขายโซบะ ก๋วยเตี๋ยวสไตล์ญี่ปุ่น
- ร้านขายข้างแกงแบบญี่ปุ่น
- ร้านขายราเม็ง โซบะ
- ร้านขายของปิ้งย่างเป็นไม้ๆ พวกเห็ดย่าง หมูเทอริยากิย่าง พุงปลาแซลม่อนย่าง
อาหารญี่ปุ่นหลากเมนูที่ลิ้มลองมา
หลังจากที่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของร้านอาหารญี่ปุ่น Hako Town กันไปแล้วก็มาถึง Review ในส่วนอาหารญี่ปุ่นกันบ้าง ซึ่งผมกับเพื่อนๆก็พยายามกระจายกันกินหลายๆร้าน เพื่อให้ได้เมนูอาหารที่หลากหลาย ถ้าจำไม่ผิดไม่ได้กินอยู่แค่ 2 ร้านเท่านั้น คือ ร้านไอศครีม i-maru กับ ร้านราเม็งข้างในสุด นอกนั้นจะมาร้านละ 1-2 เมนู มาดูกันดีกว่าว่ามีอาหารญี่ปุ่นจานไหนอร่อยๆบ้าง
ซุชิ Dragon Roll
รสชาติก็อร่อยตามมาตรฐานซูชิญี่ปุ่นแท้ๆครับ แต่ที่แน่ๆไม่เหมือนกับซูชิ 5 บาทตามตลาดนัดแน่นอน ชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำดี แต่วาซาบิจะจี๊ดน้อยไปหน่อย หากใครชอบจี๊ดแบบถึงลูกถึงคนแล้วล่ะก็ อาจต้องใส่วาซาบิมากหน่อยถึงจะสะใจ ส่วนราคาจานนี้ 190 บาทครับ
ทาโกะยากิ
รสชาติของทาโกะยากิที่ Hako Town นี้ก็ไม่แตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป แต่ก็อร่อยกว่าร้านข้างนอกที่ขายลูกละ 5-6 บาทครับ รสชาติเข้มข้น แป้งไม่หนาเกินไป สรุปว่าถูกใจครับ ราคาก็ไม่แพง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 75 บาท
เซมเบ้ร้อนๆ
เมนูนี้บอกตามตรงว่าไม่เคยกินมาก่อนเลย "เซมเบ้ ข้าวเกรียบปลาหมึกแผ่นใหญ่" ที่มากินที่ Hako Town นี่ก็ตั้งใจมากินไอ้นี่แหละ มันแปลกสำหรับผมมากๆ จากปลาหมึกตัวเล็กนิดเดียว เอาไปผสมแป้งแล้วเอาเข้าเครื่องทับ แป๊บเดียวแบนออกมาเป็นแผ่นอย่างที่เห็นในรูปเลย แต่พอลองกินจริงๆแล้วมันไม่อร่อยเหมือนที่คิดไว้ มันเหมือนข้าวเกรียบจืดๆหน่อย ไม่เค็มเท่าไร แต่ก็อย่างว่าอ่ะนะ อาหารญี่ปุ่นก็จะออกจืดๆอยู่แล้ว คิดในแง่ดีกินจืดจะได้ไม่เป็นโรคไต ส่วนราคาของเซมเบ้แผ่นนี้ก็ราคาย่อมเยาว์ แผ่นละ 38 บาทเท่านั้น ใครอยากลองของจัดไปด่วนเลย
ราเม็งแห้งทรงเครื่อง Marusoba
เมนู Marusoba นี้เรียกง่ายก็ก๋วยเตี๋ยวแห้งบ้านเราครับ ชามใหญ่มากๆ กินหมดก็แทบจะกินอะไรไม่ได้แล้วครับ ดูจากในรูปถ้าสังเกตดีๆในชามเค้าใส่ไข่มาให้ 2 ลูกนะครับ แล้วก็มีกากหมู หัวหอม ผักกาดดอง หอมเจียว แล้วก็เส้นมาม่ากรุบกรอมาให้เรากินกันอย่างเอร็ดอร่อย ถามว่าอร่อยมั๊ยก็ธรรมดาครับ รู้อย่างเดียวว่าอิ่มจริงอะไรจริง ราคาของ Marusoba ชามนี้ก็ 85 บาทขาดตัว ใครชอบกินก๋วยเตี๋ยวแห้งก็ไปลองกันได้ที่ Hako Town ได้เลยครับ
ราเม็งซุปกระดูกหมูหอมซอสญี่ปุ่นเจียวสูตรพิเศษ (Tonkotsu Ramen)
มาถึงก๋วยเตี๋ยวน้ำสไตล์ญี่ปุ่นกันบ้างกับ ราเม็งซุปกระดูกหมูหอมซอสญี่ปุ่นเจียวสูตรพิเศษ หรือ Tonkotsu Ramen รสชาติอ่อนๆ ไม่เค็มมาก หอมกลิ่นสาหร่ายกับน้ำมันงาดี เส้นเหนียวนุ่มเหมือนกับที่กินที่ฮะจิบัง แต่ไม่มีกระดูกหมูมาให้นะครับ ได้มาแต่น้ำซุปเท่านั้น สรุปว่าอร่อยกลมกล่อม ชอบครับ
ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น สูตร Original
ข้างแกงกะหรี่ญี่ปุ่นจานนี้เค้าบอกว่าเป็นสูตร Original จากญี่ปุ่นเลย บอกตามตรงว่าไม่เคยกินข้างแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นจริงๆเลยสักครั้ง ก็เลยจัดมากระแทกปากสัก 1 จาน หน้าตาดูน่ากินมาก ส่วนรสชาติก็ OK อยู่นะ กินแล้วก็นุ่มๆลิ้นดี กลิ่นแกงกะหรี่ก็ไม่แรงเกินไป ข้าวนุ่มดี สรุปแล้วก็อร่อยอยู่นะครับ แต่ผมเพิ่งเคยกินครั้งแรกก็เลยไม่รู้จะไปเทียบกับที่ไหน เอาเป็นว่าบอกราคาเลยแล้วกัน ข้างแกงกะหรี่จานนี้ราคา น่าจะประมาณ 85 บาทนะครับ ถ้าจำไม่ผิด ใครชอบกินข้าวแกงกะหรี่ไปลองดูได้ครับ
เห็ดย่าง พุงปลาแซลม่อนย่าง และหมูบดเทอริยากิย่าง
อันนี้ลองกินดูเพราะอยากลองกินเห็ดที่เข้าบอกว่าปลูกเองแบบสดๆ ว่ามันจะอร่อยสักแค่ไหน แต่จะสั่งแต่เห็ดอย่างเดียวก็ยังไงอยู่ ก็เลยสั่งพุงปลาแซลม่อน กับหมูบดเทอริยากิมาด้วย ส่วนรสชาติก็ธรรมดาครับไม่มีอะไรโดดเด่น เห็ดก็หวานสดดี แต่ราคานั้นแพงใช่เล่น โดยเฉพาะเห็ดนั้นไม้ละ 40 บาทเลยทีเดียว ส่วนพุงปลาไม้ละ 40 เหมือนกัน ส่วนหมูไม้ละ 25 บาท กิน 3 ไม้หมดไป 100 กว่าบาท ใช้ได้เลย
น้ำแข็งใสถั่วแดง
น้ำแข็งใสถ้วยนี้เหมือนน้ำแข็งใสทั่วไปที่เรากินกันครับ เพียงแต่ใส่ท็อปปิ้งเป็นถั่วแดงบดเท่านั้นเอง นอกนั้นเหมือนน้ำแข็งใสของไทยหมด ราคาถ้วยนี้อยู่ที่ 35 บาท ก็จัดว่าแพงหากเทียบกับน้ำแข็งใสของเราในราคานี้ เพราะเค้าใส่แค่น้ำแข็ง นม น้ำหวาน และถั่วแดงอีกนิดหน่อยเท่านั้น แต่อย่างว่าถือว่าจ่ายค่าประสบการณ์ก็แล้วกันครับ
เบียร์มะม่วง
ปิดท้ายกันด้วยเครื่องดื่มแอกอฮอร์ เบียร์มะม่วง ชีวิตนี้ไม่เคยกินมาก่อน เคยกินแต่ สิงห์ ช้าง เสือ มาเจอมะม่วงเข้าเลยขอลองของสักหน่อย แก้วหนึ่งน่าจะประมาณ 300 ml ราคา 75 บาท รสชาติออกหวานๆหน่อย กลิ่นมะม่วงชัดเจนเลย กินง่ายครับ แต่ดีกรีผมว่าค่อนข้างเยอะพอตัว เพราะผมกินแค่แก้วเดียวยังรู้สึกมึนๆเลย (หรือว่าผมคออ่อนเองก็ไม่รู้) ใครสนใจลองดูสักแก้วครับ อาจติดใจไม่รู้ลืมเลยทีเดียว
ก็หมดแล้วครับสำหรับเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ผมได้ไปลิ้มลองที่ร้านอาหารญี่ปุ่น Hako Town ในครั้งนี้ ไปกัน 4 คนหมดไปประมาณ 1,000 กว่าบาท ก็ถือว่ารสชาติ OK บรรยากาศเรียบง่ายดี ถ้ามาตอนกลางคืนน่าจะสวยกว่านี้ นี่มากลางวันเห็นความจริงหมดเลย ใครอยากไปลองของที่ Hako Town ดูไปเลยครับ ราคาไม่แพงมาก คิดซะว่าไปลองหาประสบการณ์ใหม่ๆดูก็สนุกไปอีกแบบ ถ้าถามผมว่าไปอีกไหม ผมก็บอกว่าอยากไปอีกแน่นอนครับ จะไปดื่มเบียร์มะม่วงอีกสัก 10 แก้ว (555++ ล้อเล่นนะครับ)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น